เมื่อเทคโนโลยีได้พัฒนาก้าวไกลมากขึ้น จนการซื้อขายได้ขยายขึ้นมาสู่โลกออนไลน์ จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตของทุกคนไปแล้ว แต่นอกจากข้อดีของการซื้อของออนไลน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ประหยัดค่าเดินทาง ประหยัดเวลาแล้ว ยังมีข้อเสียที่มีให้เห็นกันมากมาย เราจึงมี 5 เคล็ด(ไม่)ลับที่จะมาแนะนำ เพื่อช่วยคุณป้องกันภัยอันตรายและกลลวงบนโลกออนไลน์ ดังต่อไปนี้
- เลือกร้านค้าที่น่าเชื่อถือ
ในปัจจุบันมีร้านค้ามากมายให้คุณเลือกสรร ทั้งหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์ แต่สำหรับการซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์ คุณควรเลือกร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ โดยการดูว่าร้านเหล่านั้นมีหน้าร้านอยู่จริง หรือเป็นร้านค้าที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Verified) แบบ Official มีการจดทะเบียนพาณิชย์ของร้านค้าหรือไม่ หากบางร้านที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นร้านค้า Official คุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากการดูรีวิวจากผู้ซื้อจริง การแนะนำแบบปากต่อปาก ไปจนถึงระยะเวลาที่ร้านเปิดตัวว่าร้านนั้น ๆ ได้ทำการเปิดมานานแค่ไหนแล้ว ปัจจัยเหล่านี้ก็นับเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความน่าเชื่อถือของร้านค้าได้เช่นเดียวกัน
- ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของร้านค้า
มีร้านค้าหลาย ๆ ร้านที่ไม่ได้ทำการฝากขายบนโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือ อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เท่านั้น แต่มีการเปิดเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งร้านเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้จากการดู URL หรือลิงก์ของเว็บไซต์นั้น ๆ เว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ขึ้นต้นด้วย https:// ถือเป็นเว็บไซต์ที่ค่อนข้างปลอดภัย และหากมีสัญลักษณ์แม่กุญแจขึ้นตรงด้านหน้าลิงก์ ก็เป็นเครื่องหมายที่ช่วยยืนยันได้ว่าเมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้วจะมีการเชื่อมต่อแบบ Secure Sockets Layer หรือ SSL ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการปกป้องให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยจากการเข้าถึงข้อมูลจากแฮกเกอร์ได้ดียื่งขึ้น
- เปลี่ยนพาสเวิร์ด
คุณควรตั้งพาสเวิร์ด (Password) ให้ปลอดภัยโดยไม่ตั้งให้ง่ายจนเกินไป ซึ่งพาสเวิร์ดควรมีความยาวตั้งแต่ 8-12 ตัวอักษรขึ้นไป ประกอบไปด้วยตัวเลขพร้อมอักษรพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ ไม่เป็นชื่อหรือวันเกิดของตนเอง หรือเลขเรียงกันหรือซ้ำกันที่สามารถคาดเดาได้ และถ้าหากเป็นไปได้คุณควรเปลี่ยนพาสเวิร์ดทุกๆ 1-2 เดือนเพื่อความปลอดภัย เพราะถ้าหากยูสเซอร์การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่คุณเคยเข้าไปทำการสั่งซื้อได้ผูกไว้กับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของคุณนั้นมีพาสเวิร์ดที่คาดเดาได้ง่าย ก็อาจเสี่ยงต่อการโดนแฮกข้อมูลได้
- ตรวจสอบชื่อบัญชีผู้รับ
ก่อนทำการชำระเงิน คุณควรตรวจสอบชื่อบัญชีผู้รับให้ดี หากเป็นชื่อบริษัทที่น่าเชื่อถือก็สามารถไว้ใจได้ในระดับนึง แต่ถ้าหากเป็นในนามบุคคลก็สามารถนำชื่อไปค้นหาในเว็บไซต์ที่จะช่วยตรวจสอบรายชื่อมิจฉาชีพ โดยคุณสามารถเข้าเว็บไซต์เหล่านั้นได้จากการค้นหาใน Google ว่า เช็คคนโกง, เช็ครายชื่อคนโกง หรือเช็ครายชื่อมิจฉาชีพ เป็นต้น โดยข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ ถ้าหากนำชื่อไปค้นหาและไม่พบ ควรลองค้นหาจากนามสกุล เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นอาจมีการเปลี่ยนชื่อได้
- เก็บหลักฐานการชำระเงิน
เมื่อทำการชำระเงินเรียบร้อยแล้ว คุณควรเก็บหลักฐานการชำระเงิน สลิปโอนเงิน หมายเลขการสั่งซื้อ อีเมล์จากเว็บไซต์นั้นๆ รวมไปถึงการแคปเจอร์หน้าจอแชทที่คุยกับร้านค้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือชื่อ-นามสกุล เลขบัญชีของผู้ขาย ชื่อของร้านค้า รวมไปถึงเบอร์ติดต่อ เพราะถ้าหากเกิดปัญหาหรือมีการโกงใด ๆ หลักฐานเหล่านี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินคดีต่อไป
ปัจจุบันมิจฉาชีพมีอยู่มากมายและมาในหลากหลายรูปแบบ ทุกท่านควรระวังเมื่อจะต้องทำการจ่ายเงินทั้งรูปแบบออนไลน์ไปจนถึงออฟไลน์ เทคนิคทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนช่วยในการป้องกันเบื้องต้นเท่านั้น คุณควรเลือกร้านค้าที่น่าเชื่อถือพร้อมไตร่ตรองเป็นอย่างดีก่อนจะต้องทำการชำระเงินทุกครั้ง